โรคความดันโลหิตสูง
รับดูแลผู้สูงอายุ,ดูแลผู้ป่วย,ผู้ป่วยระยะ พักฟื้น,บ้านพักผู้สูงอายุ,ให้อาหารทางสายยาง,กายภาพบำบัด,แผลกดทับ,สวน ปัสสาวะ,สมองเสื่อม,เบาหวาน,ความดันโลหิตสูง,โรคกระดูกและข้อ,หลงลืม,อัมพาต ครึ่งซีก,อ่อนแรงครึ่งซีก,อัมพฤกษ์,อัมพาต,เจาะคอ,อัลไซเมอร์
Goldenlife Nursing Home ติดต่อ : ดูแลผู้สูงอายุ ดูแลผู้ป่วย
02 – 584-3705 , 02-583-7709
โรคความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาและควบคุมตลอดชีวิต โรคนี้พบได้บ่อยประมาณร้อยละ 15 – 20 ทั้งเพศหญิงและเพศชายที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
ความดันโลหิตคืออะไร
ความดันโลหิตคือแรงดันของกระแสเลือดที่มีต่อผนังหลอดเลือดโดยมีอวัยวะสำคัญที่ควบคุมให้ความดันอยู่ในระดับปกติ เช่น หัวใจ ไต หลอดเลือดที่หดหรือขยายตัวได้ เป็นต้น
ค่าความดันโลหิตขณะนั่งพักในวัยผู้ใหญ่จะประมาณ 128/80 มม.ปรอท และเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ตามท่าของร่างกาย อาหาร เครื่องดื่ม อารมณ์ที่เปลี่ยน ปริมาณการออกกำลัง เป็นต้น สามารถตรวจวัดความดันโลหิตรอบแขนได้ 2 ค่าดังนี้
1. ความดันซีสโตลิกหรือค่าบน เป็นแรงดันสูงสุดขณะที่กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัว ค่าปกติจะไม่เกิน 139 มม.ปรอท
2. ความดันไดแอสโตลิกหรือค่าล่าง เป็นแรงดันขณะที่หัวใจคลายตัว ค่าปกติจะไม่เกิน 89 มม.ปรอท
ความดันโลหิตสูงเป็นอย่างไร
ความดันโลหิตสูง คือ ภาวะความดันในหลอดเลือดแดงสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 140/90 มม.โดยวัดขณะนั่งพัก 5 – 10 นาที ที่ไม่ได้สูบบุหรี่หรืแอลกอฮอล์ และได้ค่าสูงตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไปในเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แบ่งระดับความรุนแรงของความดันโลหิตสูงได้ดังนี้
ระดับความดันโลหิต |
ค่าบน/ซีสโตลิก |
ค่าล่าง/ไดแอสโตลิก |
ปกติ |
น้อยกว่า 120 |
น้อยกว่า 80 |
เริ่มมีความเสี่ยงต่อโรค |
120 – 139 |
80 – 89 |
ความดันสูงเล็กน้อย |
140 – 159 |
90 – 99 |
ความดันสูงปานกลาง |
160 – 179 |
100 – 109 |
ความดันสูงรุนแรง |
180 – 209 |
110 – 119 |
ความดันสูงถึงขึ้นอันตราย |
ตั้งแต่ 210 ขึ้นไป |
ตั้งแต่ 120 ขึ้นไป |
ความดันโลหิตสูงแบ่งเป็น 2 ชนิด
1. ความดันโลหิตสูงชนิดปฐมภูมิ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน พบได้มากกว่าร้อยละ 90 ในคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไปโดยมีปัจจัยเสี่ยง ดังนี้
a. พันธุกรรม มีประวัติครอบครัวเป็นความดันโลหิตสูง
b. โรคอ้วน โดยเฉพาะผู้ที่อ้วนลงพุง
c. บริโภคอาหารรสเค็ม หรือเกลือโซเดียมมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีพันธุกรรม
d. ขาดการออกกำลังกาย
e. มีความเครียดสูงและเรื้อรัง ( มุ่งร้ายต่อผู้อื่น หรือมีภาวะกดดันตลอดเวลา )
f. ร่างกายมีความไวต่อการสะสมเกลือและโซเดียม
g. ดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟมากเกินไป
2. ความดันโลหิตสูงชนิดทุติยภูมิ ที่มีสาเหตุของโรค เช่น โรคไต โรคของต่อมไร้ท่อ นอนกรนและหยุดหายใจเฉียบพลัน จากยาบางชนิด การตั้งครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น แต่หลังการรักษาต้นเหตุความดันสูงจะกลับเป็นปกติ
ในผู้สูงอายุส่วนใหญ่ จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงเฉพาะค่าบนเนื่องจากมีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและตีบ
อาการของโรคความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูงในระยะแรกส่วนใหญ่ไม่มีอาการใดแสดงออกมา มีเพียงส่วนน้อยที่มีอาการและที่พบได้บ่อยคือ มีอาการปวดมึนท้ายทอย ปวดตึงที่ต้นคอ มีอาการปวดศีรษะ สำหรับผู้ที่มีความดันสูงรุนแรงอาจมีอาการ เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น มือเท้าชา ตามัว อัมพาตหรือถึงขึ้นเสียชีวิตได้ เฉียบพลัน เป็นต้น
โรคนี้ถ้าไม่ได้มีการรักษาเป็นเวลานานๆ ร่วมกับหากมีภาวะไขมันสูงอยู่แล้ว ประกอบกับมีการสูบบุหรี่ หรือโรคเบาหวานที่ไม่ควบคุมที่ดีพอ น้ำตาลในเลือดที่สูงจะเร่งให้หลอดเลือดแดงเสื่อมโดยมีคราบไขมันพอกที่ผนังหลอดเลือด เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตีบ ก่อให้เกิดความเสียหายและทำให้เกิดอาการของภาวะแทรกซ้อนที่อวัยวะสำคัญ ได้แก่
1. หัวใจ เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนา หัวใจวายหรือมีหลอเลือดหัวใจตีบ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง
2. สมอง เกิดภาวะหลอดเลือดสมองตีบตันหรือแตก ทำให้เป็นอัมพาต ละถ้าเกิดในตำแหน่งสำคัญอาจเสียชีวิตรวดเร็ว ความดันที่สูงรุนแรงเฉียบพลันจะทำให้สมองบวม ปวดศีรษะ และซึมลงจนไม่รู้สึกตัว
3. ไต จากมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอเกิดภาวะไข่ขาวรั่วออกทางปัสสาวะ ไตวายเรื้อรังหรือเฉียบพลัน ซึ่งจะทำให้ความดันยิ่งสูงมากขึ้น
4. ตา หลอดเลือดแดงในตาแตก และมีเลือดออกทำให้ประสาทตาเสื่อมและอาจตามัวลง
5. หลอดเลือดแดงใหญ่ เกิดอาการโป่งพองและ หรือ ฉีกขาดของผนังหลอดเลือดจะมีอาการเจ็บหน้าอก ถ้ารุนแรงอาจเสียชีวิต
วิธีการรักษาโรคความดันโลหิตสูง
เป้าหมายของการรักษาความดันโลหิตสูงชนิดปฐมภูมิ คือ การควบคุมให้ต่ำกว่า 140 – 90 มม.ปรอท และผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือไตเรื้อรังควรควบคุมให้ต่ำกว่า 130 – 80 มม.ปรอท แนวทางการรักษามีดังนี้
1. เปลี่ยนพฤติกรรมสู่การสร้างสุขภาพที่ดี เพื่อลดความดันและปัจจัยเสี่ยง ผุ้ที่มีความดันสูงเพียงเล็กน้อย ความดันจะลดเป็นปกติ ได้โยไม่ใช้ยา ได้แก่
a. ลดน้ำหนักส่วนเกิน
b. เลิกบุหรี่และเหล้า
c. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าเลิกออกกำลังกายความดันสูงจะกลับมาใหม่
d. ลดอาหารรสจัด ( หวาน มัน เค็มจัด ) เพิ่มรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลาและนมไขมันต่ำ
e. รู้จักคลายเครียด
2. ให้ยาความดันโลหิต สำหรับผู้ที่มีความดันยังคงสูงกว่า 140 – 90 มม.ปรอท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ปัจจุบันมียาใหม่ๆ ที่มีคุณภาพให้ผลดีในการรักษาและควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติ เช่น ขับเกลือและน้ำออกทางปัสสาวะ ลดอัตราการเต้นของหัวใจ ขยายหลอดเลือด เป็นต้น
3. ติดตามการรักษา เพื่อประเมินการควบคุมความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ เช่นตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด ตรวจคลื่นหัวใจ เป็นต้น